Tuesday, September 30, 2008

google adsense เปิดโอกาสเว็บไทย

เจ้าของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเป็นภาษาไทยเฮรับคุณสมบัติใหม่บน Google Adsense เปิดโอกาสให้เว็บไทยสามารถแสดงโฆษณาจาก Google AdWords ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาบนหน้าเว็บเป็นภาษาไทย ไม่ใช่แสดงเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่เคย มั่นใจนักโฆษณาจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวไทยกว่า 14 ล้านคนได้มากขึ้น ขณะที่เจ้าของเว็บไทยจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม

Google AdSense เป็นรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ของกูเกิลที่เปิดโอกาสให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถแสดงโฆษณาจาก Google AdWords ในรูปแบบของตัวอักษรและรูปภาพที่สัมพันธ์กับเนื้อหาบนหน้าเว็บ เช่น เว็บไซต์ท่องเที่ยวจะปรากฏโฆษณาส่วนลดโรงแรม เว็บไซต์สถาบันการศึกษาจะปรากฏโฆษณาเว็บไซต์หางาน เป็นต้น โฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จะทำให้นักการตลาดบรรลุจุดประสงค์ ขณะเดียวกันผู้ใช้เว็บก็รู้สึกดีที่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยกูเกิลจะจ่ายส่วนแบ่งให้กับเจ้าของเว็บไซต์ตามจำนวนการคลิก หรือตามจำนวนครั้งที่มีผู้เข้าชมโฆษณานั้นๆ

"จากนี้ไป ผู้ลงโฆษณา Google AdWords จะสามารถเลือกแสดงโฆษณาของตนเองบนเว็บไซต์ภาษาไทยได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวไทยกว่า 14 ล้านคน ขณะเดียวกันผู้ใช้อินเตอร์เน็ตก็จะได้รับประโยชน์จากโฆษณาที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่ตนเองสนใจ และได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดียิ่งขึ้น" ตามเนื้อความในจดหมายประชาสัมพันธ์ของกูเกิล ซึ่งผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ภาษาไทยจำนวนมากระบุว่ายินดีกับการเปิดตัว Google AdSense for Content เวอร์ชันภาษาไทยในครั้งนี้

"ต่อไปนี้ผมสามารถต่อยอดพัฒนาเว็บให้มีเนื้อหาและคุณภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของรายได้ที่จะมาสนับสนุนการทำเว็บอีกต่อไป ผมมีเวลาพัฒนาและคัดสรรข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาให้แก่นักเรียนและอาจารย์มากขึ้น และที่สำคัญที่สุดผมสามารถติดตั้งโฆษณา AdSense ได้ง่ายๆ แค่สมัครออนไลน์ แล้วกูเกิลก็จัดการหาโฆษณามาแสดงเอง" ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล ผู้ก่อตั้งเว็บ Thaigoodview.com กล่าว

ขณะที่นายกติกา สายเสนีย์ เจ้าของบล็อกชื่อดัง keng.com กล่าวว่า Google AdSense for Content ภาษาไทยคือสิ่งที่รอคอมานานแล้ว เพราะเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้เข้าชมบล็อก

"กูเกิลดึงโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาบนบล็อก โฆษณาจึงเป็นตัวสนับสนุนและกลมกลืนไปกับเนื้อหา ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้เข้าชม ไม่น่ารำคาญเหมือนกับป๊อปอัป หรือโฆษณาที่ไม่ตรงกับความสนใจของผู้เข้าชมเลย"

เว็บไซต์ภาษาไทยที่มีการโฆษณาบนหน้าเว็บอยู่แล้ว สามารถใช้ Google AdSense เพื่อเสริมรายได้จากค่าโฆษณาและเติมเต็มพื้นที่โฆษณาที่ว่างอยู่ การนำโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมาวางไว้บนเว็บไซต์ก็ทำได้ไม่ยุ่งยาก โดยเจ้าของเว็บไซต์สามารถสมัครผ่านระบบออนไลน์ และเมื่อได้รับการอนุมัติจากกูเกิลในการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายโฆษณาแล้ว (ระยะเวลาอนุมัติ 72 ชั่วโมง) ก็จะมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มผู้โฆษณาทั่วโลกบนเครือข่ายโฆษณาของกูเกิลทันที

เครือข่ายโฆษณาของกูเกิลนั้นมีตั้งแต่บริษัทแบรนด์ดังระดับโลกไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็กทั่วไป ความครอบคลุมนี้ทำให้เจ้าของเว็บไซต์ได้รับโฆษณาที่สอดคล้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้แม้จะเป็นเรื่องเฉพาะทาง

"Google AdSense สำหรับเนื้อหาภาษาไทย ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้เว็บโดยรวม ด้วยการนำเสนอโฆษณาที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาในแต่ละหน้าเว็บ โดยไม่สร้างความรบกวน และตัดปัญหาโฆษณาที่ไม่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น โฆษณาแบบป๊อป-อัพ และแอนิเมชัน" พรทิพย์ กองชุน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาพันธมิตรธุรกิจ กูเกิล ประเทศไทย กล่าว "Google AdSense ช่วยเปิดโอกาสให้เจ้าของเว็บไซต์ภาษาไทยสร้างรายได้จากเนื้อหาบนหน้าเว็บของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ Google AdSense จะช่วยต่อยอดรายได้ที่มั่นคงให้แก่ผู้สร้างเว็บไทยในระยะยาว”

เจ้าของเว็บไซต์สามารถลงทะเบียนออนไลน์ที่เว็บไซต์Adsense เมื่อกูเกิลตรวจสอบใบสมัครของแต่ละเว็บไซต์ว่าถูกต้องตามนโยบายที่กำหนดไว้ เจ้าของเว็บไซต์จะสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อนำโค้ด HTML มาติดตั้งบนหน้าเว็บหรือบนเซิร์ฟเวอร์โฆษณาของตนเอง จากนั้นโฆษณาจากระบบ AdWords ก็จะเริ่มแสดงโฆษณาที่สอดคล้องกับเนื้อหาในแต่ละหน้าเว็บ โดยที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโฆษณาต่างๆ ได้ผ่านทางรายงานออนไลน์ เช่นเดียวกับทางทีม AdSense ของกูเกิลที่จะคอยติดตามเว็บไซต์ที่ร่วมโปรแกรมอย่างใกล้ชิด

เจ้าของเว็บไซต์จะได้รับเงินเมื่อผู้ใช้ในเว็บไซต์คลิกที่โฆษณา AdSense โดยกูเกิลจะชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งรายได้ AdSense ไปยังบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ทุกเดือนโดยตรง และไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมอีก

ที่มา manager

กูเกิลฉลอง 10 ปีแข่งไอเดียเปลี่ยนโลก

Edited - ด้วยความเชื่อว่า"ไอเดียที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้จากทุกที่" กูเกิลจึงประกาศโครงการใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ "Project 10^100" (อ่านว่า "10 to the 100th” หรือ 10 ยกกำลัง 100) หนึ่งในการฉลองวาระครบรอบวันเกิด 10 ปีกูเกิล จุดประสงค์คือต้องการแสวงหา 5 ความคิดเยี่ยมเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ เน้นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โครงการนี้เป็นการสอบถามความคิดเห็นของผู้ใช้กูเกิลทั่วโลก ให้ร่วมกันเสนอสุดยอดแนวคิดเพื่อปรับปรุงคุณภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ โดยกูเกิลพร้อมเสนอเงินงบประมาณกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสานฝันสุดยอดไอเดีย 5 อันดับแรกให้เป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหรือแค่เป็นแนวคิดที่เรียบง่ายอย่างชาญฉลาด แต่ขอให้เป็นไอเดียที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในวงกว้าง

กูเกิลบอกว่าจะคัดเลือกไอเดียที่น่าสนใจ 100 ความคิด จากนั้นจะให้ผู้ใช้กูเกิลช่วยกันร่วมโหวตลงคะแนนให้กับไอเดียที่น่าจะได้รับเงินทุนก้อนนี้มากที่สุด 20 อันดับแรก จากนั้นจึงจะมีคณะกรรมการให้คะแนนและกลั่นกรองออกมาจนเหลือเป็น 5 สุดยอดไอเดียที่จะได้รับเงินทุนรวมกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปในที่สุด

"เราต้องการให้โลกรับรู้ว่า สุดยอดไอเดียสามารถเกิดขึ้นได้จากทั่วทุกมุมโลก เบราว์เซอร์อย่าง Google Chrome ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อวิศวกรหลายๆ คนเห็นว่า พวกเขาต้องการเบราว์เซอร์ใหม่ที่สามารถรองรับการทำงานร่วมกับเว็บแอพพลิเคชันยุคใหม่ได้ดีกว่า หรือ Google News นั้นก็กำเนิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์ 11 กันยายน ที่วิศวกรคนหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดที่เขาไม่สามารถรวบรวมข่าวสารจากทั่วโลกเอาไว้ ณ ที่เดียวกันได้" ในจดหมายประชาสัมพันธ์โครงการ Project 10^100 ระบุ

"เราเชื่อว่ายังมีไอเดียที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ที่ต้องการเงินทุนและการสนับสนุนเพื่อสานต่อความคิดให้กลายเป็นรูปธรรมขึ้นมา"

กูเกิลยกตัวอย่างไอเดียที่กูเกิลคิดว่าน่าสนใจ ว่าเป็นผลงานของนักประดิษฐ์สองคนที่ช่วยกันสร้างอุปกรณ์ชื่อ The Hippo Water Roller เพื่อช่วยให้คนทั่วโลกหลายล้านคนไม่จำเป็นต้องแบกถังน้ำขนาด 20 ลิตรเอาไว้บนบ่าเป็นระยะทางยาวๆ อีกต่อไป แต่สามารถขนถ่ายน้ำสะอาดเพื่ออุปโภคบริโภคได้ด้วยการเปลี่ยนถังน้ำขนาด 90 ลิตรให้กลายเป็นล้อหมุนเพื่อเข็นไปกับพื้นดิน

หรืออย่าง First Mile Solutions ที่มีแนวคิดง่ายๆ ในการเชื่อมโยงชุมชนที่ห่างไกลในประเทศกำลังพัฒนาเข้าด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ต หนึ่งในแผนงานก็คือ การนำอุปกรณ์ไว-ไฟ สำหรับเครือข่ายแบบไร้สายมาติดตั้งไว้บนรถประจำทางสาธารณะ เพื่อให้ผู้คนสามารถรับส่งอีเมลและข้อความถึงกันได้เมื่อรถประจำทางวิ่งผ่านยังพื้นที่ต่างๆ ที่ขาดช่องทางในการสื่อสารถึงกัน

"กูเกิลนั้นสนใจอย่างยิ่งที่จะร่วมสมทบทุนสนับสนุนโครงการที่ให้ประโยชน์กับผู้คนในวงกว้างลักษณะนี้" ในจดหมายระบุ "ในโอกาสที่กูเกิลครบรอบสิบปี คงไม่มีงานฉลองใดที่น่ายินดีไปกว่าการส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกได้มีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และคนที่มีไอเดียซึ่งสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้มากที่สุดจะเป็นผู้ได้รับเงินทุนสนับสนุนในครั้งนี้"

สามารถดูข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่ http://www.project10tothe100.com โดยสามารถติดตามประวัติศาสตร์กูเกิลได้ที่ www.google.co.th/tenthbirthday

ที่มา manager online

Monday, September 22, 2008

เตือนนักโพสรูปคลิปฉาว พรบ.คอมฯ เอาผิดถึงนอนคุก



จากกรณีคลิปภาพวิดีโอ 2 นักร้องดูโอสาวชื่อดังของ บริษัทอาร์.เอส.จำกัด (มหาชน) ถูกบันทึกในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา ระหว่างไปแสดงคอนเสิร์ต และได้มีการจำหน่าย จ่ายแจกซีดี และไฟล์ภาพไปตามอินเทอร์เน็ต จนสร้างความเสียหายให้กับนักร้องวัยรุ่นทั้ง 2 คนอย่างกว้างขวางทั้งเรื่องงาน และสภาพจิตใจของเด็กสาววัยรุ่นทั้ง 2 คน โดยเฉพาะน้องมดที่ เวลานี้อายุก็ยังไม่ครบ 20 ปี และกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย ก็เกรงว่าเหตุการนี้อาจกระทบต่อการเตรียมตัวสอบได้

นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าว ยังสร้างความหวาดระแวง แก่บรรดาสุภาพสตรี ที่ต้องเดินทางไปพักแรมในโรงแรมต่างจังหวัด และห้องลองเสื้อในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนติดกล้องแอบถ่าย หรือ มีคนปีนกำแพงมาแอบดูพวกเธอ ขณะทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายวัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถควานหาผู้กระทำผิดได้ เนื่องจากทางผู้เสียหายไม่ได้มาแจ้งความเอง

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) ในรายการข่าวสามมิติทาง ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ต้องรอให้มีการแจ้งความจากผู้เสียหาย เพราะถือเป็นอาญาแผ่นดิน มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ กรณีนำภาพไปวัตถุประสงค์แห่งการค้า มีโทษอาญาอีก 1 ข้อหา มาตรา 287 วัตถุประสงค์แห่งการค้า และเผยแพร่สื่อลามก มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ผู้บังคับการ ปดส.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม กรณีผู้เสียหายมอบให้ บ.อาร์.เอส.ฯ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องนี้ สามารถตั้งข้อหาได้เพิ่มอีก 1 คดี ในคดีหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการแพร่ภาพ ผู้เสียหาย นอกจากนี้ ยังสามารถฟ้องร้องทางแพ่งได้ด้วย ขณะนี้ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานและรายละเอียดทั้งหมด เพื่อเสนอศาลขอออกหมายค้น และหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เบื้องต้น พบเบาะแส ผู้ต้องสงสัยแล้วประมาณ 3 คน ส่วนเจ้าของโรงแรม อาจจะไม่มีความผิดทางอาญา แต่อาจมีความผิดทางแพ่ง กรณี ประมาท เลินเล่อ ทำให้เกิดความเสียหาย

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวเสริมว่า ฝากเตือนเจ้าของกิจการโรงแรม ร้านอาหาร สปา ฟิตเนส ที่มีห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าของกิจการ ที่ต้องให้ความปลอดภัยต่อผู้ลูกค้า ต้องตรวจสอบช่องโหว่ตามพนัง เพดาน ช่องลม ว่า มีการติดกล้องวงจรปิด ไว้หรือไม่ เนื่องจาก ปี 2550 ก็เกิดเหตุเช่นนี้ ในร้านย่านสยามสแควร์ ขอเตือนบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง เช่น นักร้อง นักกีฬา นักแสดง ว่า การเข้าห้องน้ำในสถานที่ใด ควรระมัดระวังจุดนี้เป็นพิเศษ หากไม่แน่ใจ กรณีมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้นุ่งกระโจมอก ไม่ใช่เปิดเผยล่อนจ้อน

“ขณะนี้ เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามาก แต่จิตใจคุณธรรมจริยธรรมมนุษย์ตามไม่ทัน คนเลว คนชั่วจึงฉวยโอกาสอาศัยช่องว่างนี้แสวงหาโอกาสจากเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมามีแก๊งติดตามดารานักร้อง ไปถ่ายทำละคร ตามต่างจังหวัด คนเหล่านี้ คอยจ้องหาภาพหลุดของบุคคลเหล่านี้ เพื่อนำไปขายได้เงินเป็นหลักแสน หลักล้าน จึงขอเตือนผู้มีชื่อเสียง เด็กและเยาวชน ว่า หากจะเข้าห้องน้ำตามสถานบริการที่ใด ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีรูโหว่ ช่องว่างหรือไม่ หากมี ขอแนะนำว่า อย่าเข้าไปใช้บริการ อย่าไปซื้อ ต้องปล่อยให้ร้านค้าเหล่านี้เจ๊งไป" ผู้บังคับการ ปดส.กล่าว

ด้าน นางสาวคุณัชญา ชัยรัตน์ หรือ น้องมด นักร้องดูโอสาวชื่อดังผู้ตกเป็นเหยื่อของคนที่ไม่หวังดีครั้งนี้ กล่าวถึงกรณีคลิปภาพวิดีโอ ของตนเอง และ นางสาวศกลรัตน์ วรอุไร หรือ น้องโฟร์ งานประกวด “เอ็มทีวี พรีเซนต์ ฮานามิ วีเจ แก๊ง” ที่นักร้องทั้ง 2 เปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวว่า ตนจำได้ว่าเป็นโรงแรมที่บริษัทรับงานมาและจ้างให้ตน และ พี่โฟร์ไปเล่นคอนเสิร์ต เมื่อไปถึงโรงแรม ไม่มีอะไรผิดสังเกต ปกติต้องรับงานมากไม่มีเวลาพักผ่อนจึงรับประทานอาหาร ก่อนนอนพักผ่อนกับพี่โฟร์ และออกไปเล่นคอนเสิร์ต จากนั้นกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเดินทางกลับ แต่เห็นภาพก็รู้สึกใจหาย พูดไม่ออก ช็อก ช่วงแรกก็ไม่ ทางพี่ๆ ทีมงานยังถามเลยว่า โกหกหรือเปล่า แต่พอรู้ว่ามีอยู่จริงก็อยากจะร้องไห้

"เวลานี้ รู้สึกแย่ แม้ทางบริษัทก็บอกว่าได้พยายามขอความร่วมมือ เพื่อบล็อกภาพทางอินเทอร์เน็ตเอาไว้แล้ว แต่ก็บล็อกอะไรไม่ได้มาก เพราะนอกจากมีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ยังมีการปั๊มวีซีดีขายด้วย ขอบคุณสื่อมวลชนและแฟนคลับทุกๆคนมากๆ ที่คอยให้กำลังใจ ถึง แม้สภาพจิตใจตอนนี้พวกเราแทบจะรับไม่ไหวก็จริง แต่ก็ขอขอบคุณจริงๆ ที่แฟนคลับเป็นกำลังใจให้ ถ้าเกิดไม่มีกำลังใจเหล่านี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ได้อย่างไร ทุกขณะนี้ ไม่กล้าเจอหน้าใครแล้ว ถ้าสมมติตนไปโรงเรียน หรือ ไปที่ไหนก็ตาม แล้วเจอคนที่ได้ดูคลิปนั้น เขาจะมองอย่างไร ตนรู้สึกแย่มาก ส่วนเรื่องการแจ้งความฟ้องร้องคดีเป็นเรื่องของบริษัทจะจัดการ” น้องมด กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความขมขื่น


ส่วน นางสาวภัทรนันท์ ดีรัศมี (แนนนี่) และ นางสาวมนัญญา ลิ่มเสถียร (เบลล์) 2 ศิลปินสาววงเกิร์ลรี่เบอรี่ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการ แอบถ่ายศิลปินดารา และการโพสภาพบนอินเทอร์เน็ตว่า พวกเรารู้สึกว่าเรื่องนี้แย่มาก คนเหล่านี้ไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายชีวิตของเรา เพราะเวลานั้นถือเป็นเวลาส่วนตัว เวลานี้เดินทางไปที่ไหนก็รู้สึกอันตราไปหมด ไม่ว่าจะร้านเสื้อผ้าที่สยามสแควร์ ก็เคยมีเพื่อนถูกแอบถ่ายในห้องลองเสื้อ แค่อยากจะซื้อเสื้อผ้าใส่ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้ก็รู้สีกแล้วว่าไม่ปลอดภัยเลย อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย มีอะไรที่มาช่วยคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือ มีกฎหมายที่จัดการพวกแอบถ่ายที่เข้มงวดกว่านี้

2 ศิลปินสาววงเกิร์ลรี่เบอรี่ ให้ความเห็นต่อว่า ที่ผ่านมาเราไม่เห็นมีใครมาดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ได้ จริงๆ แล้วพวกเราที่เป็นศิลปินก็อยากทำความรู้จักับ พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ฯ เหมือนกัน อยากให้เผยแพร่ความรู้กับประชนชน เวลาคนที่เป็นผู้เสียหายขึ้นโรงพักแล้ว ตำรวจจะได้ดำเนินการได้ถูก ที่สำคัญเจ้าทุกข์เองก็ต้องกล้าแจ้งความเอาผิดกับคนเหล่านี้ แต่ที่ผ่านมาคนที่มีคลิปหลุดมักจะอายไม่กล้าแจ้งความ เชื่อว่า ขณะนี้ เมื่อกฎหมายดีกว่าเมื่อก่อน เพราะเราสามารถเอาผิดคนถ่าย และคนโพสได้ ฟ้องร้องได้

ขณะที่ นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ นักวิชาการด้านกฎหมาย และเป็นผู้มีส่วนร่วมในการ่าง พรบ.คอมฯ ให้ความเห็นว่า ขณะที่กรณีนี้คนส่วนมากต่างมองไปที่การใช้กฎหมาย พรบ.คอมฯ เพื่อเอาผิดตามมาตรา 14 วรรค 5 ในกรณีที่มีการโพสรูป หรือส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ แล้วยังถือเป็นความผิดอาญา เพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วย รวมทั้งมาตรา 287 ที่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์แห่งการค้า และเผยแพร่สื่อลามก ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่ส่วนมากโทษของผู้กระทำผิดเหล่านี้ หากไม่รวม พรบ.คอมแล้วจะเป็นแค่โทษแบบลหุโทษเท่านั้น

นักด้านกฎหมาย ให้ความเห็นด้วยว่า อย่างไรก็ตามด้วยการบังคับใช้ พรบ.คอมฯ นอกจากผู้ที่ถ่ายคลิป คนโพสขึ้นอินเทอร์เน็ตแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ หรือ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน หากไม่มีการจัดการลบทิ้ง หรือ บล็อกเนื้อหาเหล่านั้นในทันที ตามมาตรา 14 วรรค 5 ฐานที่นำเข้าข้อมูลอันลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงอยากฝากให้คนที่ได้รับอีเมล์ หรือ ไฟล์เหล่านี้ควรลบทิ้งเสีย ไม่ควรส่งต่อ หรือฟอร์เวิร์ดไปให้ใคร เพราะอาจถูกดำเนินคดีอาญาได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของบริษัทฯ ที่ต้องดูแลผลประโยชน์ และสวัสดิภาพของศิลปิน ในการแจ้งความดำเนินคดี และเช่นกันในวงการไอทีก็กำลังจับตาการบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐ ตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตาม พรบ.ฉบับนี้หรือไม่ และ ตัว พรบ.คอมฯ จะสามารถนำตัวคนทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษได้หรือไม่ และสิ่งที่บังคับใช้ตาม พรบ.คอมฯ จะเป็นประโยชน์ต่อการติดตามคนร้ายมากน้อยแค่ไหน

เหนื่อสิ่งอื่นใด คือ ขอความเห็นใจ และความเมตตาจากทุกท่านที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต หากได้ภาพมาต้องลบทิ้งไม่ส่งต่อ คิดเสียว่าทำเพื่อช่วยเหลือเด็กผู้หญิง 2 คนที่อนาคตยังไปได้อีกไกล ลองนึกดูว่าถ้า พี่สาว น้องสาว หรือญาติพี่น้องคนอื่นๆ ในครอบครัวถูกกระทำในลักษณะนี้บ้าง พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร แล้วตัวเองหาเจอเข้ากับตัวจะรู้สึกอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อสังคมอนไลน์ที่ดี และปลอดภัย แก่คนไทยทุกคน...

จุลดิส รัตนคำแปง

itdigest@thairath.co.th

ข่าว : ไทยรัฐ

Sunday, September 21, 2008

ความลับของการสร้างเว็บไซต์

เว็บไซต์หรือบล็อกที่โด่งดังมากมาย มีพื้นฐานมาจากหลากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือความลับที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ความลับที่จะช่วยให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จมีอยู่ข้อเดียวเท่านั้นคือ "ความอดทน"

Google เป็นเว็บไซต์ search engine ที่สุดยอดมากๆ สร้างความประทับใจให้ผู้ใช้กลุ่มหนึ่งเป็นเวลานานถึง 2 ปี กว่าที่จะแพร่หลายกันไปทั่วโลก

iPod เคยเป็นอุปกรณ์ที่ประสบความล้มเหลวมาก่อน

เว็บไซต์ Boingboing เป็นหนึ่งในบล็อกที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก เหตุผลหนึ่งมาจากการที่เจ้าของบล็อกไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม มักจะมีผู้เชี่ยวชาญ กูรู หรือหนังสือ how-to แนะนำว่าถ้าจะทำเว็บไซต์โด่งดังอย่างรวดเร็วนั้นไม่ยาก เพียงแค่มี “เคล็ดลับ” เท่านั้นเอง

เว็บไซต์ประเภท Social Networking อย่าง hi5 หรือ Facebook เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเพียงแค่ผู้ใช้คลิกขอเป็นเพื่อนกับใคร ภายใน 2 นาทีก็จะมีคนตอบรับกลับมาเป็นเพื่อนทันที รวดเร็วสมกับเป็นเคล็ดลับของการทำระบบเว็บไซต์จริงๆ

แม้ “เคล็ดลับ” จะให้ผลรวดเร็ว แต่ไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์หรือบล็อกเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องมี “กลยุทธ์” ซึ่งมันเป็นส่วนที่ยากพอสมควร

ในจำนวนเว็บไซต์ที่คล้ายๆ กันในตลาด หากใช้ “เคล็ดลับ” เหมือนๆ กัน สุดท้ายก็จะพบจุดจบเดียวกัน ยกเว้นผู้ที่มี “กลยุทธ์” เท่านั้นที่จะรอด ซึ่งความลับของผู้อยู่รอดคือ ความอดทน

หากผู้สร้างเว็บไซต์หรือบล็อกเชื่อมั่นกับสิ่งที่ทำ และมุ่งมั่นอดทนทำในสิ่งที่คนอื่นๆ เบื่อหรือเลิกทำไปแล้ว สุดท้ายคนที่เหลืออยู่คือผู้ชนะ

โดยปกติแล้วกว่าที่จะสร้างเว็บไซต์หรือทำธุรกิจใดๆ ให้ประสบความสำเร็จ มักจะกินเวลานาน บางครั้งอาจนานถึง 10 ปีเลยทีเดียว ก่อนที่จะถึงเวลานั้น มีคำแนะนำถึงสิ่งที่ “ไม่ควรทำ” มาเล่าสู่กันฟัง

1. อย่าใช้เงินทั้งหมดที่มีอยู่สร้างเว็บไซต์ที่หรูหรา อลังการ สุดยอดกราฟฟิคแอนนิเมชั่น โดยไม่เหลือเงินหรือความอดทนไว้สำหรับการแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรค ที่จะตามมาอย่างมากมายหลังจากเว็บเปิดตัว

2. อย่าเข้าไปในเว็บบอร์ดหรือเว็บ Social Networking แล้วทำตัวให้เป็นจุดสนใจในด้านลบ หรือตั้งกระทู้ล่อเป้า เพื่อให้คนเข้ามายังเว็บไซต์ของตัวเอง

3. เข้าไปหาความรู้ในเว็บไซต์หรือบล็อกอื่นๆ บ้าง แต่อย่าให้ความสนใจเว็บที่ดูดีเพียแค่เปลือกนอก เพราะเว็บที่มีคุณค่าจริงๆ คือเว็บที่สร้างสรรค์เนื้อหาดีๆ มาอย่างยาวนาน

4. อย่าเร่งจนเกินไป อย่าลืมว่าการสร้างเว็บอย่างยั่งยืนคือการวิ่งมาราธอน

ที่สำคัญ อย่าไปสนใจสื่อมากนัก เพราะพวกสื่อมักจะชอบเรื่องราวความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน และอย่าใส่ใจกับนายทุนที่ออกเงินเพื่อให้สร้างเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ควรให้ความสนใจและรับฟังให้มากๆ คือ สมาชิกหรือลูกค้าของเรา รวมถึงเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ และทำให้สำเร็จแม้มันจะยาวไกลแค่ไหนก็ตาม

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

Sunday, September 14, 2008

Google เตรียมขยายบริการค้นหาข่าวจากหนังสือพิมพ์เก่า

Google เตรียมขยายบริการค้นหาข่าวจากหนังสือพิมพ์เก่า


Google เตรียมขยายโครงการคลังเก็บหนังสือพิมพ์เก่าในรูปแบบดิจิตอลที่ผู้ใช้สามารถค้นหาข่าว และเข้ามาดูได้ในรูปแบบเหมือนกับหนังสือพิมพ์จริง

โดยมีการเปิดเผยว่า Google เวบเซิร์ชเอ็นจิ้นรายยักษ์ได้ตกลงกับหนังสือพิมพ์ 12แห่งที่จะนำหนังสือพิมพ์เก่ามาสแกนเก็บไว้ในรูปแบบดิจิตอล เพื่อให้สามารถค้นหาเพื่ออ่านข่าวเก่าจากอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการทำข้อตกลงกับ New York Times และ Washington Post หนังสือพิมพ์ใหญ่ของสหรัฐฯไปแล้ว โดยหนังสือพิมพ์ที่จะถูกนำมาเพิ่มนั้นจะรวมถึง Quebec Chronicle-Telegraph ที่มีการจัดพิมพ์มานานกว่า 244ปีแล้ว และเป็นหนังสือพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ ซึ่งการนำหนังสือพิมพ์เก่ามาจัดรวบรวมไว้บนคลังออนไลน์นั้น ก็จะทำให้ผู้อ่านสามารถติดตามอ่านพาดหัวข่าว และรายละเอียดข่าวที่สำคัญๆในประวัติศาสตร์ได้


ข่าว : Pantip News

Saturday, September 06, 2008

ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตกูเกิล (Google) เปิดตัวโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์โอ

ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตกูเกิล (Google) เปิดตัวโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์สใช้งานฟรีของตัวเองในนาม “Google Chrome” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อร่วมชิงชัยในตลาดที่โปรแกรมไออี (Internet Explorer) ของไมโครซอฟท์ครองส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดในตลาด รองรับเฉพาะระบบปฏิบัติการวินโดวส์ในขณะนี้ โดยกำลังเร่งพัฒนาให้รองรับแมคโอเอส และลินุกส์ต่อไป ล่าสุดยังไม่ทันข้ามวัน เว็บไซต์สำหรับดาวน์โหลด Google Chrome ก็ล่มเสียแล้ว

Chrome (โครม) นั้นถูกจับตามองมานานแล้วหลังจากที่มีข่าวลือว่ากูเกิลกำลังซุ่มเงียบพัฒนาโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ของตัวเอง ที่จะสามารถดับจุดอ่อนในไออีได้ในขณะที่ผู้ใช้จะสามารถใช้งานเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิลได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้ของกูเกิลเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และวิธีการเปิดตัว Chrome ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

กูเกิลเปิดตัว Chrome ด้วยหนังสือการ์ตูนความยาวเกือบ 40 หน้าบอกเล่าเรื่องราวรายละเอียดเบราว์เซอร์ใหม่ล่าสุด ภายในมีข้อมูลว่าผู้พัฒนาเบราว์เซอร์น้องใหม่ยอดฮิตอย่างไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox) และอดีตทีมงานมอซิลลามากกว่า 2 คนรวมอยู่ในทีมพัฒนา Chrome ด้วย สามารถอ่านการ์ตูนฉบับเต็มที่ http://www.google.com/googlebooks/chrome/index.html

ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเชื่อว่า Chrome ถูกเปิดตัวมาเพื่อจู่โจมไออี 8 ซึ่งเปิดทดสอบเวอร์ชัน 2 ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไออี 8 นั้นมีจุดเด่นเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งทำให้กูเกิลและเครือข่ายโฆษณาออนไลน์อื่นๆติดตามข้อมูลพฤติกรรมของนักท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อนำไปวิเคราะห์และประยุกต์ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจโฆษณาออนไลน์ได้ยากขึ้น

แต่จากการ์ตูนเปิดตัว พบว่าจุดยืนของ Chrome และไออี 8 นั้นต่างกัน โดย Chrome เน้นการจัดการหน่วยความจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพด้านความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ การปรับปรุงอินเทอร์เฟสหรือหน้าตาโปรแกรมให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น มีการปรับให้แท็บย้ายไปอยู่เหนือแอดเดรสบาร์ และการฝังระบบบริการจากกูเกิลและค่ายอื่นลงไปให้ครบเครื่องเหมือนไฟร์ฟ็อกซ์และไออี 8 ที่สำคัญคือการแสดงรายชื่อมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายต่างๆเพื่อเตือนผู้ใช้ พร้อมลูกเล่นอื่นๆที่กูเกิลเตรียมไว้เพื่อเอาใจนักท่องเน็ต

Sundar Pichai รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของกูเกิล โพสต์ข้อความในบล็อกของตัวเองว่า “ในยุคที่เว็บไซต์มีคุณสมบัติและพัฒนาการเยี่ยมยอดแบบฉุดไม่อยู่ Chrome คือทางเลือกหนึ่งซึ่งเราหวังให้สามารถรองรับการแสดงผลเว็บเหนือชั้นในอนาคตได้ต่อเนื่อง” Chrome จึงถูกการันตีว่าเป็นเบราว์เซอร์ที่เหมาะกับการแสดงคอนเทนท์ไดนามิกหรือเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีการโต้ตอบมากๆ เช่น เว็บไซต์ทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ออนไลน์

เพียงแค่วันแรกของการเปิดตัวเบราว์เซอร์ กูเกิลก็ถูกวิจารณ์ว่าพยายามผูกขาดในตลาดออนไลน์เสียเองแม้จะต่อต้านไมโครซอฟท์ไม่ให้ผูกขาดตลาด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กูเกิลยังต้องฝ่าฟันก่อนจะผูกขาดตลาดเบราว์เซอร์ได้ หนีไม่พ้นไมโครซอฟท์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของนักท่องเน็ตทั่วโลก สำหรับไฟร์ฟ็อกซ์ซึ่งมีส่วนแบ่งมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์นั้นก็คาดว่าต้องแข่งขันเฉือนคมเช่นกัน แม้ว่ากูเกิลจะประกาศขยายระยะเวลาเป็นพันธมิตรในธุรกิจโฆษณาออนไลน์กับไฟร์ฟ็อกซ์จนถึงปี 2011 แล้วก็ตาม